ทุกธุรกิจที่ต้องออกใบเสร็จ ใบชำระเงิน หรือบันทึกการขาย มักต้องใช้ “กระดาษความร้อน” เป็นวัสดุหลักในการพิมพ์ข้อมูล เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้หมึก และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันที เหมาะกับร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ ไปจนถึงระบบ POS (Point of Sale) ที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า กระดาษความร้อนมีหลายประเภท และแต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานต่างกัน?
บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกระดาษความร้อนแบบละเอียด พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
กระดาษความร้อนคืออะไร?
กระดาษความร้อน (Thermal Paper) คือกระดาษชนิดพิเศษที่มีการเคลือบสารเคมีบนผิวหน้า เมื่อโดนความร้อนจากหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ความร้อน (Thermal Printer) จะทำให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนสี กลายเป็นตัวอักษรหรือภาพ โดยไม่ต้องใช้หมึกหรือผงพิมพ์
ลักษณะของกระดาษความร้อน
ผิวเรียบและมันวาว
เมื่อขูดด้วยเหรียญหรือของแข็งจะเกิดรอยดำ
ไม่ต้องใช้หมึก ทำให้ลดต้นทุนระยะยาว
นิยมใช้กับเครื่องพิมพ์ใบเสร็จ POS, เครื่องคิดเงิน, เครื่องชั่งน้ำหนัก, หรือเครื่องพิมพ์คิวในร้านค้า
ประเภทของกระดาษความร้อน
1. กระดาษความร้อนแบบธรรมดา (Non-Top Coated Thermal Paper)
ใช้กับงานทั่วไป เช่น ใบเสร็จในร้านค้า ร้านกาแฟ
ราคาย่อมเยา แต่ไม่ทนต่อความร้อนหรือแสง
อายุของตัวอักษรอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
2. กระดาษความร้อนแบบเคลือบด้านบน (Top Coated Thermal Paper)
มีการเคลือบสารป้องกันแสง ความชื้น และรอยขีดข่วน
เหมาะกับงานที่ต้องเก็บเอกสารไว้นาน เช่น ใบเสร็จธนาคาร หรือใบกำกับภาษี
อายุของตัวอักษรยาวนานถึง 3–5 ปี
3. กระดาษลาเบลความร้อน (Thermal Label)
ใช้สำหรับงานติดฉลากสินค้า พัสดุ หรือบาร์โค้ด
มีทั้งแบบกาวถาวรและกาวลอกออกได้
เหมาะกับธุรกิจขนส่ง คลังสินค้า และอีคอมเมิร์ซ
วิธีเลือกกระดาษความร้อนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
1. เลือกขนาดกระดาษให้ตรงกับเครื่องพิมพ์
ขนาดยอดนิยม เช่น
57×50 มม. เหมาะกับร้านกาแฟ ร้านอาหาร
80×80 มม. ใช้ในเครื่อง POS มาตรฐาน
100×150 มม. สำหรับพิมพ์สติกเกอร์ลาเบลหรือบาร์โค้ด
2. พิจารณาคุณภาพการเคลือบ
หากต้องเก็บข้อมูลนาน หรือออกใบเสร็จให้ลูกค้าร้านใหญ่ ควรเลือกแบบ เคลือบด้านบน (Top Coated) เพื่อป้องกันการซีดจาง
3. ดูความหนาและความทนทานของกระดาษ
กระดาษที่หนาเกินไปอาจทำให้เครื่องพิมพ์ทำงานช้า แต่หากบางเกินไปก็ฉีกง่าย — ควรเลือกความหนาประมาณ 48–55 gsm เป็นมาตรฐาน
4. ตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัย
เลือกผู้ผลิตหรือแบรนด์ที่รับรองว่า “ปลอดสาร BPA” เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม